โผล่หลักฐาน กล้องวงจรปิด และคำสารภาพ จากฝ่ายผู้กระทำ มัดตัวจัดว่าเด็ด ร้องฟ้องอาญาหลายคดี
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562
นายวีระพัฒน์ พร้อมพลากร
นายทะเบียนสมาชิกพรรคการพรรคภราดรภาพ ได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ เลขาธิการพรรคภราดรภาพได้รุมทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์ พร้อมทั้งข่มขืนใจบังคับให้ตนเองเขียนใบลาออกจากการเป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรคภราดรภาพ เดินทางมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมประกอบในคดีนี้กับทางเจ้าหน้าที่ผุ้เก็บข้อมูลหลักฐานที่รับเรื่องมาจากศูนย์ดำรงธรรม แก่
ร้อยตำรวจเอก วีระวิธช์ วงศ์สวรรค์ สภ.อ.กระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาคร
นายวีระพัฒน์ กล่าวไว้ว่า
เรื่องส่งมาที่กระทุ่มแบน
โดยมีการเขียนคำร้องไปยัง
สำนักงานคุ้มครองพยานขอความกรุณาให้ทางผู้กำกับการจังหวัดลงมาติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดให้ได้รับความธรรมเป็นธรรมเนื่องจากนายพันธ์ยศ มีพฤติกรรมเข้าข่าย ผู้มีอิทธิพล และเป็น กต.ตร สน.หนองแขม
และยังกล่าวไว้ว่ากระบวนการยุติธรรม
หากมีจริงคนผิดไม่สามารถหลีกหนีความจริงได้ถึงแม้จะไปแจ้งความอันเป็นเท็จไว้ที่อื่นๆซึ่งตนก็เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเช่นกัน ทุกการกระทำหรือพยายามทำลายหลักฐานหรือจะบังคับให้คนอื่นทำตามตน ตามทัศนคติตนเชื่อว่า ไม่มีใครจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนกระทำความผิด และก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีพ้นเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ ถ้าถามตน ตอบได้ว่ามั่นใจในคดีนี้มาก โดยนายวีระพัฒน์ ยังบอกทิ้งท้ายไว้ว่าตอนนี้มีผู้ให้ความร่วมมือให้ความช่วยเหลือที่อยู่ในที่เกิดเหตุเข้ามาเรื่อยๆ โดยตนไม่กังวลอะไร เพราะทุกอย่างที่ตนกล่าว คือข้อเท็จจริง .
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562
นายวีระพัฒน์ พร้อมพลากร
นายทะเบียนสมาชิกพรรคการพรรคภราดรภาพ ได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ เลขาธิการพรรคภราดรภาพได้รุมทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์ พร้อมทั้งข่มขืนใจบังคับให้ตนเองเขียนใบลาออกจากการเป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรคภราดรภาพ เดินทางมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมประกอบในคดีนี้กับทางเจ้าหน้าที่ผุ้เก็บข้อมูลหลักฐานที่รับเรื่องมาจากศูนย์ดำรงธรรม แก่
ร้อยตำรวจเอก วีระวิธช์ วงศ์สวรรค์ สภ.อ.กระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาคร
นายวีระพัฒน์ กล่าวไว้ว่า
เรื่องส่งมาที่กระทุ่มแบน
โดยมีการเขียนคำร้องไปยัง
สำนักงานคุ้มครองพยานขอความกรุณาให้ทางผู้กำกับการจังหวัดลงมาติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดให้ได้รับความธรรมเป็นธรรมเนื่องจากนายพันธ์ยศ มีพฤติกรรมเข้าข่าย ผู้มีอิทธิพล และเป็น กต.ตร สน.หนองแขม
และยังกล่าวไว้ว่ากระบวนการยุติธรรม
หากมีจริงคนผิดไม่สามารถหลีกหนีความจริงได้ถึงแม้จะไปแจ้งความอันเป็นเท็จไว้ที่อื่นๆซึ่งตนก็เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเช่นกัน ทุกการกระทำหรือพยายามทำลายหลักฐานหรือจะบังคับให้คนอื่นทำตามตน ตามทัศนคติตนเชื่อว่า ไม่มีใครจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนกระทำความผิด และก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีพ้นเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ ถ้าถามตน ตอบได้ว่ามั่นใจในคดีนี้มาก โดยนายวีระพัฒน์ ยังบอกทิ้งท้ายไว้ว่าตอนนี้มีผู้ให้ความร่วมมือให้ความช่วยเหลือที่อยู่ในที่เกิดเหตุเข้ามาเรื่อยๆ โดยตนไม่กังวลอะไร เพราะทุกอย่างที่ตนกล่าว คือข้อเท็จจริง .
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น