ถึงภูเก็ตแลว ข้าวสารตามโครงการ “ข้าวในนาแลกปลาในทะเล” กว่า 6 พันกิโล
ถึงภูเก็ตแลว ข้าวสารตามโครงการ “ข้าวในนาแลกปลาในทะเล” กว่า 6 พันกิโล
# ศูนย์ข่าวภูเก็ต # มาถึงภูเก็ตแล้ว ข้าวสารตามโครงการ “ข้าวในนาแลกปลาในทะเล” ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จำนวน 6,500 กิโลกรัม เพื่อส่งมอบต่อให้กับชาวเล 3 จังหวัดอันดามัน
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายสิทธิชุมชนพัฒนาภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมด้วย นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต นายสนชัย ฤทธิชัย เจ้าหน้าที่มูลนิธิชุมชนไทย/ ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ นายหงีม ดำรงเกษตร ตัวแทนชาวเลราไวย์ และ สมาชิกเครือข่ายฯ ร่วมรับมอบข้าวสารตามโครงการ “ข้าวในนาแลกปลาในทะเล”
ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา โดยมี นายวุฒิพงศ์ ภริงคาร ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ นายวัฒนพงษ์ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ทสจ.ภูเก็ต) และเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดภูเก็ตเป็นตัวแทนส่งมอบ ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 เนื่องจากชาวเล บางชุมชนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ
สำหรับโครงการดังกล่าว สืบเนื่องจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ตลอดจนกลุ่มส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยการนำข้าวสารจำนวน 15,000 กิโลกรัม มอบให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล ในพื้นที่ จ.ระนอง, พังงา และภูเก็ต
โดยมีการขนส่งมาทางรถบรรทุกจากจังหวัดสุพรรณบุรี มายัง จ.ภูเก็ต และระหว่างทางได้มีการส่งมอบข้าวสารให้กับชุมชนเกาะเหลา เกาะช้าง และ เกาะพยาม จ.ระนอง จำนวนประมาณ 2,000 กิโลกรัม และ จ.พังงา เพื่อส่งมอบต่อให้กับชุมชนมอแกน หมู่เกาะสุรินทร์ จำนวน 4,000 กิโลกรัม หมู่บ้านชาวเลทับตะวัน จำนวน 2,000 กิโลกรัม และ บ้านบางพัฒน์ หมู่ที่ 8 จำนวน 500 กิโลกรัม ส่วนของจังหวัดภูเก็ต มอบให้จำนวน 6,500 กิโลกรัม เพื่อส่งมอบต่อให้กับชุมชนชาวเลราไวย์ จ.ภูเก็ต,ชาวเล เกาะพีพี จ.กระบี่ และชาวเล เกาะหลีเปะ จ.สตูล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น