บ.ประชารัฐรักษามัคคีสตูล ร่วมกับกลุ่มปันรอยยิ้มให้น้องร่วม มอบเสื้อผ้า อาหารให้ชนเผ่ามานิ(ชาไก) สร้างร้อยยิ้มอย่างมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ
บ.ประชารัฐรักษามัคคีสตูล ร่วมกับกลุ่มปันรอยยิ้มให้น้องร่วม มอบเสื้อผ้า อาหารให้ชนเผ่ามานิ(ชาไก) สร้างร้อยยิ้มอย่างมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ
…………………………………………………………………………
วันที่30พฤษภาคมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา11.00น. นางสาวกัญญพัชร รัตนพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสตูล(วิสาหกิจเพื่อสังคม)และ สมาชิกกลุ่มปันรอยยิ้มให้น้อง รวมกว่า10คน เดินทางไปยังหมู่ที่10 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล เพื่อนำเครื่องอุปโภค บริโภค เสื้อผ้า อาหาร มอบให้แก่พี่น้องชนเผ่ามานิหรือที่เรียกว่าเงาะป่าซาไก ซึ่งชนเผามานิกลุ่มนี้มีประชากรทั้งสิ้น57คนอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านบนเชิงเขาในพื้นที่เขตเทือกเขาบรรทัด ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องโรคโควิด19ระบาดทำชาวมานิกลุ่มนี้ก็มีรายได้และอาหารจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสัมผัสวิถีชีวิตของมานิกลุ่มนี้ แต่เมื่อเกิดโรคโควิด19ระบาด ทำให้ต้องปิดการท่องเที่ยงจึงส่งผลกระทบต่อปากท้องของชาวมานิอย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องเข้าป่าล่าสัตว์มาเป็นอาหารก็ลำบากเนื่องจากสัตว์ป่าที่มีจำนวนลดน้อยลงทำให้เจอกับปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างหนักแต่ก็ยังดีที่ยังมีนายคนึง จันทร์แดง(ป๋านึง)และคุณครู ณัฐนันท์ โอมเพียร หรือครูนัฐ คุณครูจิตรอาสาที่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่ตอนนี้
ด้านนางสาวกัญญพัชร กรรมการผู้จัดการบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสตูลกล่าวว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชนเผ่ามานิในวันนี้ ได้รับทราบปัญหาในหลายๆด้านที่ชาวมานิต้องพบเจออยู่นะตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน ที่อยู่ อาศัย แต่ที่ขอชื่นชมคือความสะอาดของบริเวณที่พักอาศัย และร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ของเด็กๆชาวมานิทุกคน ในวันนี้ที่ตนเดินทางลงพื้นทีตนและน้องๆจากกลุ่มปันรอยยิ้มให้น้อง ได้นำสิ่งของเสื้อผ้าและอาหารมามอบให้แล้ว แต่ในเบื้องต้นเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงที่ตนได้ลงพื้นที่วันนี้คือมาเพื่อจะดูว่าทางบริษัทจะสามารถช่วยเหลืออะไรชาวมานิได้บ้าง เช่น การช่วยส่งเสริมอาชีพให้มานิรู้จักประกอบอาชีพไว้เลี้ยงครอบครัว การให้ความรู้ในด้านต่างๆที่ชนเผามานิน่าจะได้รับเพื่อการดำรงค์ชีพเป็นต้น
นางสาวกัญญพัชรกล่าวต่อว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีหลายๆคนหรือหลายๆองค์กรยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้อาหาร ให้เสื้อผ้าหรือให้เงิน ตนก็รู้สึกดีใจที่สังคมไทยยังไม่ทิ้งกัน แต่สำหรับตนคิดว่าการมามอบสิ่งของต่างๆไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของชนเผ่ามานิ การมอบสิ่งของต่างๆใช้ไปทุกวันก็หมดไปและคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ใจบุญจะมามอบให้ตลอด สำหรับตนคิดว่าการแก้ไขปัญหาคือการสร้างอาชีพ สร้างความรู้ความเข้าใจ เมื่อเขารู้จักประกอบอาชีพเหมือนประชาชนทั่วไปเขาก็สามารถเลี้ยงครอบครัวของตนเองและชนเผ่าได้
หลังจากนี้ตนจะต้องกลับไปทำการบ้านเพื่อหาหนทางทำให้มานิรู้จักประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวให้ได้ เพื่อสักวันหนึ่งเขาจะได้มีที่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนประชาชนทั่วไป สำหรับทางบริษัทของตนยินดีช่วยเหลือและให้โอกาสเพราะหน้าที่โดยตรงของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสตูลก็คือ การมีส่วนร่วมในสังคมทุกๆบทบาทเพื่อให้สังคมและชาวบ้านมีรายได้อย่างยั่งยืน
…………………………………………………………………………….
ปิยะชาติ ศรีภักดี//ผู้สื่อข่าวจ.สตูล//รายงาน
…………………………………………………………………………
วันที่30พฤษภาคมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา11.00น. นางสาวกัญญพัชร รัตนพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสตูล(วิสาหกิจเพื่อสังคม)และ สมาชิกกลุ่มปันรอยยิ้มให้น้อง รวมกว่า10คน เดินทางไปยังหมู่ที่10 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล เพื่อนำเครื่องอุปโภค บริโภค เสื้อผ้า อาหาร มอบให้แก่พี่น้องชนเผ่ามานิหรือที่เรียกว่าเงาะป่าซาไก ซึ่งชนเผามานิกลุ่มนี้มีประชากรทั้งสิ้น57คนอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านบนเชิงเขาในพื้นที่เขตเทือกเขาบรรทัด ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องโรคโควิด19ระบาดทำชาวมานิกลุ่มนี้ก็มีรายได้และอาหารจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสัมผัสวิถีชีวิตของมานิกลุ่มนี้ แต่เมื่อเกิดโรคโควิด19ระบาด ทำให้ต้องปิดการท่องเที่ยงจึงส่งผลกระทบต่อปากท้องของชาวมานิอย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องเข้าป่าล่าสัตว์มาเป็นอาหารก็ลำบากเนื่องจากสัตว์ป่าที่มีจำนวนลดน้อยลงทำให้เจอกับปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างหนักแต่ก็ยังดีที่ยังมีนายคนึง จันทร์แดง(ป๋านึง)และคุณครู ณัฐนันท์ โอมเพียร หรือครูนัฐ คุณครูจิตรอาสาที่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่ตอนนี้
ด้านนางสาวกัญญพัชร กรรมการผู้จัดการบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสตูลกล่าวว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชนเผ่ามานิในวันนี้ ได้รับทราบปัญหาในหลายๆด้านที่ชาวมานิต้องพบเจออยู่นะตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน ที่อยู่ อาศัย แต่ที่ขอชื่นชมคือความสะอาดของบริเวณที่พักอาศัย และร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ของเด็กๆชาวมานิทุกคน ในวันนี้ที่ตนเดินทางลงพื้นทีตนและน้องๆจากกลุ่มปันรอยยิ้มให้น้อง ได้นำสิ่งของเสื้อผ้าและอาหารมามอบให้แล้ว แต่ในเบื้องต้นเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงที่ตนได้ลงพื้นที่วันนี้คือมาเพื่อจะดูว่าทางบริษัทจะสามารถช่วยเหลืออะไรชาวมานิได้บ้าง เช่น การช่วยส่งเสริมอาชีพให้มานิรู้จักประกอบอาชีพไว้เลี้ยงครอบครัว การให้ความรู้ในด้านต่างๆที่ชนเผามานิน่าจะได้รับเพื่อการดำรงค์ชีพเป็นต้น
นางสาวกัญญพัชรกล่าวต่อว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีหลายๆคนหรือหลายๆองค์กรยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้อาหาร ให้เสื้อผ้าหรือให้เงิน ตนก็รู้สึกดีใจที่สังคมไทยยังไม่ทิ้งกัน แต่สำหรับตนคิดว่าการมามอบสิ่งของต่างๆไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของชนเผ่ามานิ การมอบสิ่งของต่างๆใช้ไปทุกวันก็หมดไปและคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ใจบุญจะมามอบให้ตลอด สำหรับตนคิดว่าการแก้ไขปัญหาคือการสร้างอาชีพ สร้างความรู้ความเข้าใจ เมื่อเขารู้จักประกอบอาชีพเหมือนประชาชนทั่วไปเขาก็สามารถเลี้ยงครอบครัวของตนเองและชนเผ่าได้
หลังจากนี้ตนจะต้องกลับไปทำการบ้านเพื่อหาหนทางทำให้มานิรู้จักประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวให้ได้ เพื่อสักวันหนึ่งเขาจะได้มีที่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนประชาชนทั่วไป สำหรับทางบริษัทของตนยินดีช่วยเหลือและให้โอกาสเพราะหน้าที่โดยตรงของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสตูลก็คือ การมีส่วนร่วมในสังคมทุกๆบทบาทเพื่อให้สังคมและชาวบ้านมีรายได้อย่างยั่งยืน
…………………………………………………………………………….
ปิยะชาติ ศรีภักดี//ผู้สื่อข่าวจ.สตูล//รายงาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น