จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับมืออำเภอผักไห่ และ 7 ภาคีเครือข่าย ร่วมปลูกต้นไม้ตามโครงการ “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา” เร่งเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดคาร์บอน เพื่อช่วยลดโลกร้อน พร้อมขับเคลื่อนบทบาทการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชน

 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับมืออำเภอผักไห่ และ 7 ภาคีเครือข่าย ร่วมปลูกต้นไม้ตามโครงการ “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา” เร่งเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดคาร์บอน เพื่อช่วยลดโลกร้อน พร้อมขับเคลื่อนบทบาทการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชน




          วันนี้ (31 สิงหาคม 2566) เวลา 09.00 น. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดโครงการ “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา” ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาคู องค์การบริหารส่วนตำบลนาคู อ.ผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับความเมตตาจาก พระครูธรรมธรไพรัชช์ สิริจนฺโท เจ้าอาวาสวัดสะแก เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบ้านแพรก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ผู้นำทางศาสนา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครู นักเรียน และประซาชนในพื้นที่ รวมกว่า 300 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้บริเวณพิธี จำนวน 100 ต้น และแจกจ่ายในกับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมอีก 600 ต้น รวม 700 ต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มที่สีเขียวในเขตอำเภอผักไห่ ให้มีสภาพภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีสภาพแวดล้อมที่ดี อีกทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการจัดการและแก้ไขปัญหาโลกร้อน ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพื้นฟูและบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกไว้ 




          นายประทีป การมิตรี เปิดเผยว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาคศาสนา ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อมวลชน ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้น ตามโครงการ “1 คน 1 ต้น เพื่อคนอยุธยา” โดยการมอบต้นกล้าไม้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 158 แห่งๆ ละ 1,000 ต้น รวมทั้งหมด 158,000 ต้น ซึ่งหากเปรียบเทียบภาวะโลกร้อนเป็นคน คงเหมือนคนที่ป่วยหนัก ร่างกายร้อนไปหมด จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง หนึ่งในวิธีแก้ คือ การปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นไม้ 1 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 9 - 15 กิโลกรัมต่อปี และจับฝุ่นควัน 1.4 กิโลกรัมต่อปี อีกทั้งช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เพียงพอและลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูก 1 - 40 ตารางเซนติเมตร 




        นอกจากนี้ ยังเป็นการเชื่อมประสานให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการแก้ไขปัญหาความยากจน ส่งเสริมภูมิปัญญาในการเลี้ยงชีพ การเป็นจิตอาสาเพื่อสังคม เสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต และช่วยเหลือสังคมให้เกิดความสุข สอดรับกับนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ประชาชน โดยมีพระสงฆ์ได้ร่วมผนึกพลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และทุกภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนดูแลสังคมประชาชนคนไทย ให้มีความสุขกาย สุขใจ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต




       สำหรับอำเภอผักไห่ ซึ่งได้ดำเนินการปลูกต้นไม้ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผานมา จำนวน 300 ต้น และปลูกในครั้งนี้จำนวน 700 ต้น แบ่งเป็นปลูกในพื้นที่สาธารณะบริเวณพิธี จำนวน 100 ต้น และแจกจ่ายในกับประชาชน จำนวน 600 ต้น รวมจำนวน 1,000 ต้น โดยได้รับความเมตตาจาก พระครูไพโรจน์ปัญญารัต เจ้าอาวาสวัดนาคูสว่างอารมณ์ราษฎร์ คณะสงฆ์ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนนายกเหล่ากาชาดจังหวัด ผู้แทนภาคีเครือข่าย ผู้นำท้องถิ่น ครู นักเรียน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี นายเสกสรร ถนอมกิตติ นายอำเภอผักไห่ นายฉลอง คงสัมฤทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาคู ให้การต้อนรับ


กัญญ์พรภัสร์ เอี่ยมมีชัย/ผู้สื่อข่าวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/รายงาน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันที่ 16 กันยายน 2566 ท่านประธานบริษัท​ อืนโนเวทีฟ เทคโนโลจิคอล โซลูชั่น จำกัด​ คุณพัฒน์นรี​ ไพศาลศรวัส​ และผู้บริหาร ดร.ศรวัสย์​ ไพศาลศรวัส​ ได้จัดกานฝึกอบรม"หลักสูตรระบบพลังงานร่วมแบบบูรณาการ" สำหรับที่ต้องการเป็นผู้แทนจำหน่าย เครื่องประหยัดไฟฟ้า ICS และ รถยนต์ไฟฟ้า BOMA ICS

จิตอาสา 500 คนลงเก็บขยะตามเกาะแหล่งท่องเที่ยวงานรักษ์เลป่าเปิดฟ้าอันดามัน

อบจ.สตูล ร่วม ททท.สตูล เนรมิตจุดชมวิวชายหาดปากบารา เป็นการแสดง แสง สี เสียง ในกิจกรรม เปิดฟ้าอันดามันสตูล ก่อนส่งจิตอาสานักท่องเที่ยวลงเก็บขยะตามเกาะ เบิกกฤษ์สู่ฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเล แล้ว